ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 28, 2024, 04:50:49 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก

ข่าว: สมาคมทันตแพทย์เอกชนไทย - Thaiprivatedent.com

+  thaiprivatedent.com
|-+  Miscellaneous Talk
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  ทำงานหน้าจอคอมพ์เสี่ยงโรคร้าย
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำงานหน้าจอคอมพ์เสี่ยงโรคร้าย  (อ่าน 3529 ครั้ง)
หมอนันทิยา
Global Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 659



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 09:21:38 PM »


ศิริราชระบุ เสี่ยงต่อการเป็นโรคภัยในออฟฟิศหรือ ? Office Syndrome ? เหตุจากทำงานหนัก นั่งทำ
งานตลอดเวลาไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ได้พักสายตา รวมทั้งสภาพแวดล้อมในที่ทำงานไม่
เหมาะสม โต๊ะทำงานไม่เป็นระเบียบส่งผลให้กล้ามเนื้ออักเสบ ปวดเมื่อยอวัยวะต่างๆแนะนำควรพักสาย
ตาทุก 20 นาที หลับตาทุกๆ 1 ชั่วโมงและลุกขึ้นยืนขยับร่างกาย ใช้จอคอมพ์แบบ LCD แทนจอโค้ง
และจัดให้ต่ำกว่าระดับสายตา 15 องศา

ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 12 กันยายน ผศ.นพ.วิษณุ กัมทรทิพย์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะ
แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวภายในการประชุมวิชาการเรื่อง ? Office Syndrome ? หรือโรค
ภัยในออฟฟิศว่า โรคออฟฟิศ ซินโดรม เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนวัยทำงานออฟฟิศที่สภาพแวด
ล้อมในที่ทำงานไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานตลอดเวลา ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย สิ่งเหล่า
นี้ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ และปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ อาทิ หลัง ไหล่ บ่า แขนหรือข้อ
มือ ส่วนบางรายการที่มีอาการของหมอนรองกระดูกเคลื่อนอยู่แล้ว หากทำงานในอิริยาบถที่ผิดจะให้มี
อาการรุนแรงมากขึ้น จากการสำรวจพนักงานออฟฟิศในประเทศฝั่งยุโรปพบว่าอาการอันดับหนึ่งคือ
การปวดหลัง รองลงมาคืออาการปวดคอ ไหล่และปวดศีรษะตามลำดับ ซึ่งเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับ
ภาวะออฟฟิศ ซินโดรม

นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 16-24 ปี มีความเสี่ยงของการเกิดภาวะดังกล่าวสูงถึง
ร้อยละ 55 เนื่องจากต้องทำงานหนักประกอบกับอิริยาบถในการทำงานไม่เหมาะสม ทั้งนั่งหลังค่อม
การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆสูงกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ตลอดจนปัญหา
ความเครียดก็ส่งผลต่อการเกิดภาวะนี้ด้วย โดยพบสูงถึงร้อยละ 80 สำหรับประเทศไทยเคยสำรวจใน
คนทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งจำนวน 400 คน พบว่าร้อยละ 60 มีภาวะดังกล่าว

?ไม่เพียงแต่อิริยาบถของคนทำงานที่ไม่เหมาะสม สภาพโต๊ะทำงานยังเป็นปัจจัยสำคัญด้วย ทั้งโต๊ะทำ
งานที่ไม่เป็นระเบียบ ไม่สะดวกต่อการหยิบสิ่งของ เก้าอี้ไม่เหมาะสม ไม่มีพนักพิงที่รองรับหลังอย่างมี
ประสิทธิภาพ รวมทั้งการกกดแป้นคีย์บอร์ดที่ไม่มีตัวรองรับข้อมือ จะทำให้มีการกระดกข้อมือขึ้นลง
ซ้ำๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณเส้นเอ็น รวมทั้งเกิดถาวะพังผืดหนา ทำให้เกิดอาการชาบริเวณ
นิ้วและข้อมือ ผศ.นพ.วิษณุ กล่าว?

ผศ.นพ.วิษณุ กล่าวอีกว่า การป้องกันต้องเริ่มจัดสภาพโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ โดยให้ด้านขวาของ
ของโต๊ะปล่อยโล่ง ไม่มีสิ่งของมากีดขวางเพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนไหวในการหยิบสิ่งของต่างๆ
ส่วนสิ่งของต่างๆบนโต๊ะทำงานที่มีระดับพอดีกับข้อศอก เพื่อให้สามารถกดคีย์บอร์ดได้ถนัด ประกอบ
ตัวแป้นคีย์บอร์ดควรมีที่รองรับข้อมือไม่ให้เกิดการกระดกข้อมือซ้ำๆด้วย นอกจากนี้ ควรเลือกจอ
คอมพิวเตอร์แบบ LCD หรือจอแบน เนื่องจากการสำรวจพบว่า จอแบน CRT ซึ่งเป็นจอลักษณะโค้งมน
จะทำให้เกิดการเพ่งสายตา และปวดศีรษะมากกว่าการใช้จอแบบ LCD

?พวกพนักงานรับโทรศัพท์ก็ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน เพราะต้องคอยรับหูโทรศัพท์ตลอดเวลา ควร
หยุดพักบ้าง หรือหันมาใช้เฮดโฟนแทน สิ่งสำคัญคนทำงานต้องคระหนักถึงภัยจากภาวะนี้ ด้วยการฝึก
อิริยาบถการนั่งทำงานให้เหมาะสม เช่น นั่งหลังค่อมต้องปรับท่านั่งใหม่ และควรพักสายตาจาก
คอมพิวเตอร์ หรือเปลี่ยนอิริยาบถ ลุกออกไปเดิน ยืดเส้นยืดสายทุกๆครึ่งชั่วโมง รวมทั้งควรหัดออก
กำลังกายคลายเส้นบ้าง จะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ตึงจนเกินไป?ผศ.นพ.วิษณุ กล่าว

ด้าน รศ.พญ.จุฑาไล ตัณฑเทิดธรรม ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าว
ว่าปัญหาที่พบบ่อยในคนทำงานออฟฟิศ คือ ปัญหาด้านสายตา อาทิ ตาแห้ง น้ำตาไหล ระคายเคืองตา
ตามัว ปรับภาพได้ช้าลง ซึ่งเกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ทำให้การกระพริบตา
น้อย หลังตาเปิดกว้างขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้ง ส่งผลให้น้ำตาระเหยมาก จนกระทั่งเกิดความ
ระคายเคืองตาและตาแห้ง นอกจากนี้การเพ่งสายตาที่หน้าจอ ยังทำให้ต้องกลอกตาไปมาตลอดเวลา
ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานมากขึ้น ทำให้ปวดตาในที่สุด ดังนั้นควรพักสายตาเป็นระยะ ทุก 20
นาที หลับตาทุก 1 ชั่วโมง ลุกเดินเพื่อพักสายตาและควรจัดจอภาพคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าระดับสายตา
15 องศา เพื่อช่วยลดอาการปวดตาและปวดคอ

รศ.พญ.จุฑาไล กล่าต่อว่านอกจากนี้ควรปรับความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม โดยปรับ
ความสว่างให้มากประมาณ 3 เท่าจากความสว่างของสภาพแวดล้อม และควรปรับสีของจอให้สบายตา
เนื่องจากงานวิจัยพบว่าตัวอักษรสีเข้มบนพื้นจอสีอ่อน จะทำให้สบายตา ส่วนความเข้าใจที่ว่ารังสีจาก
จอคอมพิวเตอร์หากดีรับเป็นเวลานานๆ จะก่อให้เกิดอันตรายเป็นมะเร็งนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก
ปริมาณรังสีที่ออกมา มีจำนวนน้อยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

ขอขอบคุณที่มา :     
                           สกู๊ปหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์   
                           ฉบับที่ 21,154 วันพฤหัสบดี ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2550 
 
บันทึกการเข้า
admin
Administrator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 535


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2009, 05:31:30 PM »

 :12:


* 38c80f2422b304e8817d9a44aa35557f_1205385585.gif (10.6 KB, 150x110 - ดู 1278 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หมอนันทิยา
Global Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 659



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2009, 05:32:20 PM »

เป็นห่วง ห่วงน้าตะเองงงง  :3:
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป:  



เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.9 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
designed by จัดฟัน เชียงใหม่
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.092 วินาที กับ 20 คำสั่ง