หัวข้อ: จัดฟันนั้นสำคัญไฉน เริ่มหัวข้อโดย: CM ที่ ธันวาคม 24, 2013, 11:10:44 AM ฟันนั้นจัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวเกี่ยวกับบุคลิกภาพและเสริมสร้างให้เราดูดีเพราะมีความโดดเด่นบนใบหน้าไม่แพ้คิ้ว, ตา, ปาก และจมูกจึงถูกเน้นให้เห็นถึงความสำคัญกันไม่น้อยเลยในสมัยนี้ที่เราหันไปไหนต่อไหนส่วนใหญ่จะเห็นคนที่จัดฟันกันไม่น้อยเลยทีเดียวทั้งเด็กนักเรียนหรือนักศึกษาและหนุ่มสาวชาวออฟฟิศทั้งหลาย ก่อนที่เราจะไปทำการจัดฟันกันนั้นเราก็ควรมาทราบถึงคำจำกัดความของการจัดฟันกันเสียก่อน ซึ่งการจัดฟันนั้นเป็นกระบวนการทำให้เกิดความสมดุลของฟันที่ผิดแผกแตกต่างไปจากปกติทั้งการเรียงตัวของฟันและสบฟันที่มันผิดปกติให้คืนสู่สภาพตามที่ควรจะเป็น โดยโครงสร้างที่ถูกปรับเปลี่ยนรวมไปถึงฟันที่ถูกเลื่อนไปจะเกิดจากการใช้แรงที่ละเอียดอ่อนไม่ว่าจะมาจากเครื่องมือทั้งภายในและภายนอกช่องปากเป็นตัวกระตุ้นที่ก่อให้เกิดการปรับแต่งใหม่ที่จะทำให้กระดูกที่ล้อมรากฟันจะเกิดจากการละลายและเสริมสร้างใหม่ของกระดูกแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปจนเกิดการเคลื่อนตัวของฟันในอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 1 มิลลิเมตรต่อเดือน
นอกจากการจัดฟันนั้นมันจะสำคัญต่อบุคลิกภาพพร้อมกับทำให้เราได้มีรอยยิ้มที่สวยสดใสแล้วนั้นมันยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในการบดเคี้ยวอาหารเช่นเดียวกับเป็นการช่วยแก้ไขในความผิดปกติจากการทำหน้าที่ของอวัยวะภายในช่องปากให้มันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นอาทิเช่นการเรียงฟันที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบจนส่งผลให้เกิดอาการปวดขากรรไกรหรืออาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่เหงือก และอาจทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุรวมไปถึงเหงือกอักเสบ รวมไปถึงบางท่านที่อาจจะจำเป็นต้องจัดฟันเพื่อทำการรักษาชนิดอื่นให้ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใส่สะพานฟันและการครอบฟันตลอดจนการใส่ฟันชนิดที่ถอดออกมาได้ ส่วนลักษณะของฟันที่ควรจะจัดฟันนั้นก็ประกอบไปด้วยฟันยื่น (Protrude), ฟันซ้อนเก (Croeding), ฟันกัดคล่อม (Crossbite), ฟันกัดเบี้ยว (Midline Shift), ฟันห่าง (Spacing), ฟันสบลึก (Deepbite) และฟันสบเปิด (Openbite) โดยการจัดฟันนั้นคุณหมอสามารถช่วยแก้ปัญหาให้คนไข้ได้แต่ละรายจากการตรวจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง ขณะเดียวกันนั้นการจัดฟันหากได้รับการดูแลตั้งแต่ยังวัยเด็กด้วยการเริ่มจากฟันกรามแท้ขึ้นมาจะดีเนื่องจากหากมีปัญหาฟันผิดปกติขึ้นมาก็สามารถที่จะแก้ไขได้ทันทีและง่ายต่อการรักษา ซึ่งปกติแล้วคุณหมออาจใช้การขยายขากรรไกรช่วยในคนไข้ที่มีอายุราว 10-11 ปีและใช้เวลาในการใส่เครื่องมือติดแน่นสัก 2-3 ปีที่มีทั้งติดแน่นแบบใช้ยางและลวดดึงฟันตลอดจนเครื่องมือที่ถอดออกได้ ส่วนคนไข้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปอาจต้องใส่เครื่องมือนานกว่าปกติและใส่ retainer ซึ่งเป็นพลาสติกยึดฟันหลังการรักษา นานกว่าปกติ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมือที่ใช้ใส่ซ่อนไว้ทางด้านหลังฟันเพื่อความสวยงามไม่เห็นเครื่องไม้เครื่องมือระหว่างการรักษาแต่ว่าย่อมยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ |